Visiting Artist: Ernie Gehr
เห็นพี่ MdS เพิ่งจะโพสต์ว่า อยากดูหนังของ Ernie Gehr ซึ่งพอดี เขาเพิ่งมาเป็น Visiting Artist เมื่อเทอมก่อน ก็เลยจะพูดถึงซักหน่อย
Ernie Gehr เขาทำหนังตั้งแต่ยุค 60 โน้น เป็นคนทำหนังทีบุคลิกไม่เหมือนคนทำหนังเลย นิ่งมาก เรียบมาก เฉยๆ แข็งๆ ดูเหมือนวิศวกรมากกว่า ส่วนหนังของเขาก็นิ่งสงบพอกับตัวเขาเนี่ยะแหละ แต่เขาพูดเก่ง พูดจาฉลาดน่าฟัง หน้าตาของ Ernie Gehr ก็ประมาณนี้ (ถ่ายมาจากสมุดโน้ตเราเอง)
หนังที่เขามาฉายให้ได้ดูได้แก่
- Wait
- Serene Velocity
- This side of Paradise
- The Collector
- The Mose Code Operator (or the Monkey Wrench)
- Before the Olympics
- Essex Street Market
- Noon Time Activities
- Workers Leaving The Factory After Lumiere
- Greene Street
- Passage
ส่วนความรู้สึกของเราที่ได้ดูหนังบางเรื่องเขา ขอแอบกระแดะเขียนเป็นกวีได้ดังนี้ (เอามาจากส่วนหนึ่งของ paper ที่ต้องเขียนส่งอาจารย์)
....
They’re simple.
They’re silent.
But listen closely,
and you can hear stories floating in the air.
Like whispers.
....
ดูหนังเขาแล้วรู้สึกเหมือนเหม่อมองสภาพแวดล้อมรอบข้าง รู้สึกเหมือนหลุดอยู่ในภวังค์มากกว่าที่จะมีสติ เหมือนเวลารอใครซักคนแล้วเขาไม่มาซักที แล้วตามันเผลอไปมองโน้นมองนี้ แต่ใจไม่ได้อยู่กับเนื้อกับตัวหรอก แต่ถ้าจับภาพพวกนั้นที่ตาเห็นมาทำเป็นหนังแล้วล่ะก็ มันก็จะกลายเป็นหนังของ Ernie Gehr (บางเรื่อง) ส่วนหนังเรื่องอื่นๆ เขาก็เล่นกับ space และ time เยอะ เป็นหนังที่จับคลื่นเวลาและอากาศธาตุในสถานที่ได้แบบหวิวๆ
....
ไปๆมาๆ พี่ MdS เป็นดั่งดัชนีีชี้ว่า Visiting Artist คนไหนสำคัญ เพราะที่นี่ เราได้เจอ Visiting Artist เยอะ ซึ่งบางทีเราก็ไม่ได้สำเหนียกเลยว่า เขาสำคัญหรือดังแค่ไหน ทำให้เราตระหนักว่า เออ จริงๆแล้วการมาเรียนที่นี่ นอกจากได้เปิดหูเปิดตา ได้เรียน ได้อะไรๆอื่นๆแล้ว อย่างน้อยที่สุด ก็เรียกว่า ทำให้เราได้มีโอกาส "กระทบไหล่คนดัง" ได้พบปะพูดคุยกับศิลปินแบบตัวเป็นๆ
แต่พูดก็พูดเถอะ เราว่าเมืองไทยโชคดีมากเลยที่มีร้านแว่น มันผิดกฎหมาย แต่มันก็คือแหล่งการศึกษาชั้นดี ไหนที่ไทยมีสถานฑูตฝรั่งเศส เยอรมัน ญี่ปุ่น ฉายหนังดีๆมากมาย เทศกาลหนังที่ไทยก็มี งานแสดง gallery ก็มีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆทุกวัน ถ้ามุ่งมั่นเอาจริงเอาจังตามดูซะอย่าง
ดูอย่างพี่ MdS สิ เขาทำให้เรารู้ว่าเมืองไทยมีของดี มีแหล่งการศึกษาซ่อนอยู่เต็มไปหมด ส่วนว่า พี่เขาดูอะไรเยอะขนาดนั้นได้อย่างไร อันนี้ก็ไม่ทราบได้ พี่เขากิน เขานอนหรือเปล่า อันนี้คงต้องถามเจ้าตัว
Ernie Gehr เขาทำหนังตั้งแต่ยุค 60 โน้น เป็นคนทำหนังทีบุคลิกไม่เหมือนคนทำหนังเลย นิ่งมาก เรียบมาก เฉยๆ แข็งๆ ดูเหมือนวิศวกรมากกว่า ส่วนหนังของเขาก็นิ่งสงบพอกับตัวเขาเนี่ยะแหละ แต่เขาพูดเก่ง พูดจาฉลาดน่าฟัง หน้าตาของ Ernie Gehr ก็ประมาณนี้ (ถ่ายมาจากสมุดโน้ตเราเอง)
หนังที่เขามาฉายให้ได้ดูได้แก่
- Wait
- Serene Velocity
- This side of Paradise
- The Collector
- The Mose Code Operator (or the Monkey Wrench)
- Before the Olympics
- Essex Street Market
- Noon Time Activities
- Workers Leaving The Factory After Lumiere
- Greene Street
- Passage
ส่วนความรู้สึกของเราที่ได้ดูหนังบางเรื่องเขา ขอแอบกระแดะเขียนเป็นกวีได้ดังนี้ (เอามาจากส่วนหนึ่งของ paper ที่ต้องเขียนส่งอาจารย์)
....
They’re simple.
They’re silent.
But listen closely,
and you can hear stories floating in the air.
Like whispers.
....
ดูหนังเขาแล้วรู้สึกเหมือนเหม่อมองสภาพแวดล้อมรอบข้าง รู้สึกเหมือนหลุดอยู่ในภวังค์มากกว่าที่จะมีสติ เหมือนเวลารอใครซักคนแล้วเขาไม่มาซักที แล้วตามันเผลอไปมองโน้นมองนี้ แต่ใจไม่ได้อยู่กับเนื้อกับตัวหรอก แต่ถ้าจับภาพพวกนั้นที่ตาเห็นมาทำเป็นหนังแล้วล่ะก็ มันก็จะกลายเป็นหนังของ Ernie Gehr (บางเรื่อง) ส่วนหนังเรื่องอื่นๆ เขาก็เล่นกับ space และ time เยอะ เป็นหนังที่จับคลื่นเวลาและอากาศธาตุในสถานที่ได้แบบหวิวๆ
....
ไปๆมาๆ พี่ MdS เป็นดั่งดัชนีีชี้ว่า Visiting Artist คนไหนสำคัญ เพราะที่นี่ เราได้เจอ Visiting Artist เยอะ ซึ่งบางทีเราก็ไม่ได้สำเหนียกเลยว่า เขาสำคัญหรือดังแค่ไหน ทำให้เราตระหนักว่า เออ จริงๆแล้วการมาเรียนที่นี่ นอกจากได้เปิดหูเปิดตา ได้เรียน ได้อะไรๆอื่นๆแล้ว อย่างน้อยที่สุด ก็เรียกว่า ทำให้เราได้มีโอกาส "กระทบไหล่คนดัง" ได้พบปะพูดคุยกับศิลปินแบบตัวเป็นๆ
แต่พูดก็พูดเถอะ เราว่าเมืองไทยโชคดีมากเลยที่มีร้านแว่น มันผิดกฎหมาย แต่มันก็คือแหล่งการศึกษาชั้นดี ไหนที่ไทยมีสถานฑูตฝรั่งเศส เยอรมัน ญี่ปุ่น ฉายหนังดีๆมากมาย เทศกาลหนังที่ไทยก็มี งานแสดง gallery ก็มีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆทุกวัน ถ้ามุ่งมั่นเอาจริงเอาจังตามดูซะอย่าง
ดูอย่างพี่ MdS สิ เขาทำให้เรารู้ว่าเมืองไทยมีของดี มีแหล่งการศึกษาซ่อนอยู่เต็มไปหมด ส่วนว่า พี่เขาดูอะไรเยอะขนาดนั้นได้อย่างไร อันนี้ก็ไม่ทราบได้ พี่เขากิน เขานอนหรือเปล่า อันนี้คงต้องถามเจ้าตัว
7 Comments:
ขอกราบขอบพระคุณมากๆเลยค่ะ
ชอบกลอนที่น้องเขียนมากๆเลย
กลอนของน้อง Boat โรแมนติกมาก
ทำให้นึกถึงเนื้อเพลง Truth In My Heart ใน "ข้างหลังภาพ" (เวอร์ชั่นธีรเดช กับ คาร่า) เนื้อประมาณว่า
Truth in my heart
Has no words for your ears
Truth in my heart
Has no voices
Only silence
And the purity of tears
Only a love
That outlast passing time...
กลอนของน้อง BOAT
They’re simple.
They’re silent.
But listen closely,
and you can hear stories floating in the air.
Like whispers.
....
กลอนของ MDS
THEY’RE SLIM
THEY’RE SOFT
BUT SMELL CLOSELY
AND YOU CAN SENSE SOME BLOOD FLOATING IN THE AIR
LIKE ผ้าอนามัย WHISPER
กลอนพี่เจ๋งกว่าผมเยอะ อาจารย์น่าจะชอบมากๆ
อืมมมมม อยากทราบว่าจะหาดูหรือซื้อหนัง "This side of paradise" ได้ที่ไหนบ้างค่ะ ใครทราบบ้างช่วยหน่อย ค่ะ พอดีทำสัมนาเรื่องนี้ ถ้าทราบเมล์บอกหน่อยนะค่ะจะขอบพระคุณอยากมากกกกกก ช่วยด้วยค่ะ จะ ตายแล้ววว -_- อ่านยังไม่ จบ เลย หา ตัว ช่วย ขอบคุณมากน่ะค่ะ noosa.jn@gmail.com
Making money on the internet is easy in the undercover world of [URL=http://www.www.blackhatmoneymaker.com]blackhat methods[/URL], It's not a big surprise if you haven’t heard of it before. Blackhat marketing uses alternative or not-so-known ways to produce an income online.
top [url=http://www.c-online-casino.co.uk/]free casino[/url] coincide the latest [url=http://www.casinolasvegass.com/]online casinos[/url] unshackled no set aside perk at the foremost [url=http://www.baywatchcasino.com/]baywatch casino
[/url].
Post a Comment
<< Home