Saturday, December 30, 2006

ไม่ป่วยก็ดูหนัง ป่วยก็ดูหนัง




ป่วย ป่วย ว่าจะไม่ป่วยแล้วเชียว น้ำมูกไหล จมูกคัด บวม ปวดกระบอกตา ร้อนผ่าว ช้ำๆ นอนซมไม่โพรดักทีฟมาสองวันแล้วเนี่ยะ แต่เห็นว่าเป็น winter break เพราะฉะนั้น ก็สมควรจะเบรกใช่มั้ย บางทีร่างกายอาจจะเรียกร้องขอพักผ่อนก็ได้ เพราะไม่ได้พักมาตลอด semester พักบ้างก็ดีเหมือนกัน

แต่ป่วยแบบนี้จะพักทำอะไรได้นอกจากอ่านหนังสือและนั่งดูหนังไปเรื่อยเปื่อย สุดท้ายก็หนีไม่พ้นหนังเอาจริงๆ
หนังที่เหมาะจะดูตอนป่วยคือหนังอาร์ตๆหลับๆนี่แหละ เพราะมันดูเพลินๆไม่ต้องคิดดี ดูไปก็หลับไป ไม่แน่ใจว่าเพราะหนังหรือเพราะป่วยกันแน่

Friday, December 29, 2006

อย่างงี้มีตบ

ช่วงนี้เป็น winter break เลยหอบข้าวของหนีความว่างเปล่าของเมือง Valencia มาอยู่กับนักเขียนคนเดิมที่ LA. โชคดีที่นักเขียนเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกิจกรรมศิลปะในเมือง ก็เลยได้ติดสอยห้อยตามเขาไปเปิดหูเปิดตาไปด้วย มาได้ไม่กี่วันก็ได้ดูละครไปแล้ว 3 เรื่อง อันได้แก่

1. The Lion King
ละครบรอดเวย์ที่พอดีมาทัวร์แถวนี้ คอสตูมความคิดเก๋ไก๋บรรเจิด ฉากเฉิกประทับใจ รู้สึกนึกถึงตอนนี้ยังเป็นเด็กๆ
2. The Bayou Legend
ดัดแปลงมาจาก Peer Gynt ละครของ Ibsen คนดำเล่นกันมันส์เด็ดซะระตี่ ร้องเพลงโชว์พาวกันไม่ไว้หน้าใคร ตัวละครเยอะมาก แต่บล็อกกิ้งทำได้ดี ชวนให้นึกถึงว่าน่าจะมีละครลูกทุ่งไทยที่มันส์หยดได้ใจแบบนี้บ้าง ครึ่งหลังละครฉีกไปในแนวทางที่คิดไม่ถึง บ้าบอคอแตกจนถึงที่สุด แต่สะใจว่ากล้าจริง
3. Sister Act: The Musical
ดัดแปลงมาจากหนังชื่อดัง คนทำดนตรีคือ Alan Menken เจ้าพ่อเพลงการ์ตูนดิสนีย์ ยังไว้ลายเหมือนเดิมด้วยเพลงไพเราะและลูกเล่นสไตล์กลิ่นเดิมๆ แต่พอดีชอบกลิ่นนี้อยู่แล้ว เลยดมซะ



กิจกรรมอีกอย่างที่ทำกันประจำคือไปเช่าหนังจากร้านดีวีดี แล้วเอามา copy นี่ก็ก็อปไปหลายแผ่นอยู่

ส่วนหนังโรงตั้งแต่มาเพิ่งได้ดูไป 2 เรื่อง คือ Dreamgirls กับ Notes on A Scandal เรื่องหลังนี่ดาราเล่นกันได้สะใจดีแท้ รับประกันความมันส์แบบช่อง 7 น่าจะมีคนทำหนังไทยแบบนีี้้บ้าง เพราะดูเหมือนจะมีบุคคลากรไทยที่เก่งในเชิงนี้อยู่เยอะ ใครลังเลว่าจะดูหนังเรื่องนี้ดีหรือไม่ จะบอกไว้ประกอบการตัดสินใจแล้วกันว่า เรื่องนี้ เคต บลันเชต ได้ ตบ กับ จูดี้ เดนช์ แน่นอน

Sunday, December 10, 2006

Respectful Penis

ตอนนี้ที่ CalArts กำลังมีงาน festival อุทิศให้กับนักประพันธ์ดนตรีชื่อ James Tenney ซึ่งเพิ่งจะเสียชีวิตไปเมื่อไม่กี่เดือนก่อน
(Tenney เป็นอาจารย์ที่ CalArts ด้วย)

ช่วงสามวันนี้ ตามจุดต่างๆของโรงเรียนก็เลยมีการแสดงผลงานของเขา คือมีนักเรียน มีอาจารย์มายืนร้องเพลง มาเล่นดนตรี ตามบันได ตามโถง ตามห้องประชุม คือต้องมีตารางเวลา เดินไปพร้อมกับแผนที่นี่แหละว่า เวลานี้ควรจะไปดูตรงไหน

Tenney เกี่ยวข้องกับภาพยนตร์ด้วย ตรงที่ว่า เขาเป็นเพื่อนสนิทกับ Stan Brakhage (สำหรับคนที่ไม่รู้ Brakhage คือนักทำหนังทดลองอเมริกันชื่อดัง ประมาณว่าคนดูหนังทดลองต้องโดนบังคับให้รู้จักไม่ว่าวันใดก็วันนึง) แล้ว Tenney ก็เป็นคนทำสกอร์ให้กับหนังเรื่องแรกของ Brakhage ในปี 1952 เรื่อง Interim นอกจากนี้ Tenney ก็ยังเล่นหนังของ Brakhage ด้วยบางเรื่อง (ในสมัยที่ทั้งคู่ยังหนุ่มๆ และ Brakhage ยังทำหนังแบบมีคนแสดงแบบค่อนข้างจะเล่าเรื่องอยู่) จากนั้นทั้งคู่ก็ร่วมงานและเป็นเพื่อนกันจนแก่เฒ่า

ใน festival เลยมีการฉายหนังที่ Tenney มีส่วนเกี่ยวข้อง (ทั้งที่เขาคอมโพสต์ดนตรีให้ หรือเป็นนักแสดงในหนัง) ก็เลยได้ดูหนังของ Brakhage บนฟิล์มหลายเรื่องด้วยกัน รวมทั้งหนังเรื่อง interim ด้วย ในงาน ก็เลยได้ฟังเรื่องเล่าจิปาถะเกี่ยวกับ Brakhage และ Tenny รู้สึกตลกดี คือดู Brakhage เป็น"คน"จริงๆมากขึ้น ไม่ใช่คนทำหนังที่ใครๆเขาก็ยกย่อง จนกลายเป็น "เทพ" ไปโดยปริยาย

แล้วมันเกี่ยวกับ Penis ตรงไหน มันเกี่ยวก็เพราะในบรรดาหนังที่ฉาย มีหนังเรื่องนึงชื่อ Fuses มันเป็นหนังที่มีฉาก sex ระหว่างหญิงชาย ประกอบด้วยภาพโคลสอัพอวัยวะเต็มไปหมด แล้วโคลสกันนานใกล้ชิดแบบถึงรูขุมขน แล้วเซ็กซ์ก็เป็นเซ็กซ์จริงๆ แต่พอดีมันเป็นหนังทดลอง มันก็เลยดูอาร์ตๆ ดูแล้วสวยงามโรแมนติก แต่ปฎิเสธไม่ได้ว่า นั่นน่ะ penis และ vagina ตัวจริงเสียงจริงแน่นอน





Tenney ตอนหนุ่มๆ


ไอ้การเห็นดุ้น เห็นรูอวัยวะบนจอภาพยนตร์ที่ CalArts ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะเห็นบ่อยมาก เห็นแบบจะๆโคลสอัพบนจอใหญ่กันทั้งเรื่องก็มีถมเถ ทั้งหนังชายหญิง หนังชายชาย หญิงหญิง ที่นี่เขาไม่่มีการเซ็นเซอร์ก็เลยมีหนังเกี่ยวกับ sex อยู่ประจำ จะรุนแรงแค่ไหน ก็ตัวใครตัวมัน เด็กนักเรียนที่นี่ ก็ทำงานเกี่ยวข้องกับเซ็กซ์กันบ่อย ในคลาสอนิเมชั่น มีเด็กทำ animation เดินทางผ่าน vagina ผ่าน asshole กันเป็นว่าเล่น ดูแล้วก็ฮาๆ ชินกันมากกว่า

แต่ที่ครั้งนี้มันแปลกมากคือ หนังเรื่อง Fuses เนี่ยะ มันนำแสดงโดย James Tenney น่ะสิ ทั้งเรื่องเราก็เลยได้ดู Tenney ตอนยังหนุ่มแน่น having sex และ Close up of Tenney's penis กันเป็นเวลานมนาน แล้วผู้กำกับ Carolee Schneemann ซึ่งตอนนี้ก็แก่แล้ว เธอก็เป็นนักแสดงเอง เล่นกับ Tenney เธอมาในงาน แล้วก็อธิบายที่มาที่ไปของงานของเธอให้ฟังด้วย เธอเล่าไปก็ขำๆ แต่พอหนังฉายนี่ คนดูแบบ... โอ้ โหววววววว(...ในใจ อึ้งแดก) คาดว่าลูกศิษย์ของ Tenney คงรู้สึกไม่ต่างไปจากผม หรืออาจจะยิ่งกว่าผม

จบการฉายหนัง ก็มีภาพของ Tenney ตั้งแต่เด็กจนแก่ ประกอบดนตรีผลงานของเขา ส่วนคนในโรง ก็คงยังเห็นภาพติดตาของ Tenney having sex with huge penis อยู่ เรียกว่าเป็นงาน รำลึกถึงอาจารย์และศิลปินที่เคารพ ที่แปลกที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอมา

Friday, December 08, 2006

อาจารย์ และ อาร์ติส

น่าสนใจดีที่พี่ MdS นักดูหนังตัวยงแห่งเมืองไทยที่ผมนับถือชื่นชม เอ่ยปากอยากดูหนังเรื่อง Ten Skies ของ James Bennings ขึ้นมา เพราะว่า James เป็นหนึ่งในอาจารย์ที่สอนผมอยู่ แล้ววันนี้ก็เพิ่งเรียนคลาสเขามา (เจมส์ คือคนที่พาพวกผมไปเดินป่านั่นแหละ)

http://www.imdb.com/name/nm0072159/

ในคลาสของเจมส์ เราเน้นเอาผลงานของนักเรียนในคลาสมาโชว์ ไม่ว่าจะเป็นงานที่สำเร็จแล้ว หรือกำลังอยู่ในช่วยพัฒนาก็ตาม แล้วพวกเราก็ discuss กัน อาจารย์เขาก็จะคอมเมนต์ แล้วเพื่อนๆก็ช่วยกันคอมเมนต์

ผมเอางานเก่าของตัวเองที่ทำที่เมืองไทยไปฉายให้จารย์ดู จารย์ดูจะชอบทีเดียว เพราะเดินมาบอกว่า Great works
วันนี้เขาก็เดินมาหาอีก บอกว่าเมื่อไหร่จะมีงานใหม่มาโชว์อีก อยากดู กลัวๆอยู่เหมือนกันว่า งานใหม่ๆจะไม่น่าสนใจเท่างานเก่า แต่ก็พยายามอยู่ให้มันดีขึ้นเรื่อยๆ

เทอมหน้า james เปิดสอนวิชาว่าด้วยหนังตัวเอง คลาสมีชื่อว่า bennings on bennings
ว่าด้วยตัวหนังเอง บวกถึงเบื้องลึกเบื้องหลังการทำงานทั้งหลาย ตอนแรกมาใหม่ รู้สึกว่า โหจารย์คนนี้มั่นใจมาก เปิดคลาสสอนเกี่ยวกับหนังตัวเอง ตอนหลังถึงได้มารู้ว่า จริงๆแล้วเขาดังมากโดยเฉพาะในยุค 70-80
ในฐานะคนทำหนังทดลองอเมริกัน ก็เลยค่อนข้างมั่นใจว่าตัวเองจะลงคลาสนี้อย่างแน่นอน จริงๆแล้วดูเหมือนว่าที่ CalArts จะมีอาจารย์อารมณ์นี้หลายคน ประมาณว่า เราไม่รู้หรอกว่าเขาเด็ดแค่ไหน มารู้อีกทีก็อาจจะสายไปแล้ว เพราะอาจารย์บางคนก็ไม่ค่อยชอบฉายงานตัวเองให้นักเรียนดู

อย่าง Mentor ผม Thom Andersen รู้แต่ว่าเขากำกับหนังเรื่อง Los Angeles Plays Itself ซึ่งดังและได้รางวัลโน้นนี่ แต่ผมก็ไม่ได้รู้แบคกราวด์อะไรเขามากมาย รู้แต่ว่า เวลาฟังเขาพูดเขาคุยเกี่ยวกับหนังและสังคมต่างๆ เขามีมุมมองและไอเดียความคิดที่ Intellectual มาก



กลับมาที่ james Bennings ต่อ อ่านบทสัมภาษณ์เขาได้ในหนังสืือ Critical Cinema เล่ม 2 เป็นหนังสือซีรีย์ว่าด้วยคนทำหนังทดลองอิสระ
ในเล่ม 2 นี้ มีบทสัมภาษณ์ของ Yoko Ono ว่าด้วยหนังเรื่อง Rape ที่พี่ MdS อยากดูด้วย

จริงๆมีหลายเรื่อง อาร์ตติสหลายคนมากที่อยากพูดถึง แต่วันนี้ขอพูดถึงการฉายหนังที่เก๋ที่สุดสำหรับพี่ MdS ก่อน พี่เขาว่าสำหรับเขาคือฉายบทโต๊ะกินข้าว ที่นี้ สัปดาห์ก่อนมีอาร์ตติสคนนึงที่มา ชื่อ Melinda Stone เธอทำเทศกาลหนังกลางแจ้ง โดยเอาหนังไปฉายบนภูเขา บนแปลงดอกไม้ โดยคนที่อยากมาชมเทศกาล ต้องขับรถขึ้นเขากันไป เพื่อชมทัศนียภาพของธรรมชาติท่ามกลางดวงดาว และดูหนังไปด้วย เป็นส่วนหนึ่งของการรณรงค์ให้คนรักธรรมชาติ ผมว่าเก๋ดี

Tuesday, December 05, 2006

ปั่นงานเป็นว่าเล่น



เข้าใกล้ปลายเทอม ทุกคนจะสามารถสัมผัสได้ถึง"คลื่น"ความวุ่นวายงุ่นง่านของเด็กในมหาลัยที่เริ่มตัวปั่น ต้องทำโน้นทำนี่เต็มไปหมด อย่างผมนี่ เพิ่งได้สำเร็จหนังสั้นความยาว 1 นาที กับ 5 นาทีออกมาแล้ว 2 เรื่อง นี่ไม่นับหนังฟิล์มทะเลทรายที่ไปถ่ายมานะ เดี๋ยวอาทิตย์หน้าต้องสำเร็จออกมาอีก 1 เรื่อง ที่ต้องทำเยอะแยะมากมายขนาดนี้ เพราะว่าแต่ละคลาสเขาก็มอบหมายให้ทำหนังสั้นส่ง นอกจากหนังตัวเองแล้ว ก็ยังต้องเดินสายช่วยงานหนังเพื่อนๆอีก แล้วขอบอก ผมลงเรียนคลาส experimental animation ด้วย ซึ่งแต่ละสัปดาห์ ก็ต้องทำ assignment ส่งเป็นครั้งไป แม้จะสั้นๆ แต่ขึ้นชื่อว่าเป็น animation ก็กินเวลามากมายก่ายกอง

แล้วไหนจะมีโปรเจคส่วนตัวที่ไม่เกี่ยวกับคลาส แต่อยากจะทำเองเป็นการส่วนตัว แบบที่ artist ที่ดีพึงกระทำอีก ถ้านับไอเดียโปรเจคที่อยู่ในหัวตอนนี้ที่อยากจะทำ ก็คงประมาณ 279 โปรเจค สุดท้ายอาจจะได้สำเร็จเพียง 2 โปรเจค

ตอนนี้เที่ยงคืนครึ่ง ซึ่งนับว่าเป็นวัยเยาว์ของค่ำคืนที่นี่ เพราะเด็กที่นี่ดูเหมือนจะไม่นอนกัน โดยเฉพาะพวกเด็กอนิเมชั่นทั้งหลาย พวกนี้ทำงานกลางคืน และทำงานกลางวัน คือมันไม่นอนกันว่างั้นเถอะ ส่วนผมตอนนี้ ก็นั่งอ่านหนังสือเตรียมสอบ ใช่ๆ มีสอบด้วย วิชาชื่อ Cinematography วิชานี้เป็นแนวเลคเช่อร์ ก็เลยมีสอบเหมือนตอนอยู่มัธยมเลย นี่ก็เลยต้องมานั่งท่องทฤษฎีทางการถ่ายภาพด้วยฟิล์ม การใช้กล้อง ใช้เลนส์ ใช้โน้นใช้นี่เต็มไปหมด จริงๆก็สนุกดี ได้อารมณ์เหมือนตอนเป็นเด็ก แบบอยู่โรงเรียนจริงๆ เวลาสอบก็พรุ่งนี้เช้า เป้าหมายเราคือ High Pass ซึ่งเรียกว่าหวังสูงกระโดดเกาะทีเดียว

Saturday, December 02, 2006

ดูฟุตเทจหนังตัวเองในงานปาร์ตี้



สิ่งหนึ่งที่มีบ่อยมากใน CalArts คือปาร์ตี้ ไม่ว่าจะเป็นปาร์ตี้เปิดงานแกลลอรี่ เปิดการแสดงผลงานต่างๆ ซึ่งมีทุกอาทิตย์วันพฤหัสบดี ปาร์ตี้จัดกันเองในหมู่นักเรียนซึ่งมีเป็นระยะๆ หรือบางทีก็เป็นปารตี้ตามบ้านอาจารย์ที่เขาชวนนักเรียนไปกินไปดื่มไปสังสรรกันแก้เครียด

เมื่อวานไปงานปาร์ตี้ที่บ้านอาจารย์ชื่อเอเดล สอนวิชา film production workshop นี่แหละ (แต่ไม่ใช่คนในรูปนะ) เพื่อนๆก็พาแฟน พาลูก พาเมียกันมาด้วย (เพื่อนผู้ชายในคลาส 2 คนมีลูกแล้ว) อาหารการกินก็อิ่มหนำ เรียกว่าอาจารย์เลี้ยงดูปูเสื่ออย่างดี บ้านอาจารย์น่ารักมาก เล็กๆแต่อบอุ่น อาจารย์เขาอยู่กับแฟนผู้หญิงของเขา (จารย์เป็นเลสเบี้ยน) กินอาหารกันซักพัก ก็มีการฉายหนังกลางกัน คือเขามีเครื่องฉายฟิล์ม 16 mm ของตัวเอง ก็เลยนั่งดูผลงานที่ถ่ายกันมาสำหรับหนัง 1 นาที เป็นครั้งแรกที่ได้ดูหนังของตัวเอง ใจเต้นเหมือนกันว่าจะออกมายังไง เพราะมั่นใจว่าหนังต้องมืดแน่ๆ เพราะตอนถ่ายมืดมาก ไม่ทันแสง ปรากฎว่าภาพออกมาสว่างสดชัดเจน เป็นที่แปลกใจในทางที่ดีเป็นอย่างยิ่ง สีสัดจัดจ้านสมเป็นฟิล์มจริงๆ ส่วนหนังของแอนดี้ที่ไปช่วยถ่ายมา ก็ออกมาใช้ได้ โล่งอกไปทีที่ไม่ได้ไปทำหนังเพื่อนเละ แต่กระนั้นภาพก็สว่างกว่าที่เราคิด สรุปว่าผมถ่ายอะไรออกมามันจ้ากว่าในใจไปหมด ซึ่งตามหลักการถ่ายฟิลม์แล้วถือว่าดีกว่ามืดกว่าปกติ เพราะไปทำมืดทีหลังง่ายกว่าทำสว่าง เพราะทำสว่างจากมืดอาจจะไม่ได้รายละเอียดอย่างที่หวัง