Sunday, September 03, 2006

BIG BLUE BUS

BIG BLUE BUS สาย 3 เป็นรถเมล์ สายที่ผมใช้เดินทางจากบ้านนักเขียน ไปหาที่เรียนและที่ทำงานของนักเขียนที่ UCLA เนื่องจากไม่มีรถขับ และไม่มีปัญญาเรียก taxi รถเมล์จึงเป็นเพื่อนที่ดีของเรา (แม้นักเขียนจะบอกว่า อาศัยเดินทางด้วยรถเมล์ที่นี่ ไม่คล่องตัวเท่าเมืองไทย เพราะมีน้อย และไม่เยอะสาย หรือไม่มีทางเลือกมากนัก)

รถเมล์ของที่นี่ ไม่เหมือนเมืองไทย ตรงที่ไม่มีกระเป๋ามาคอยเก็บเงิน แต่ต้องหยอดเหรียญด้วยตัวเองด้านหน้า ราคาก็ 70 เซ็นต์ ต้องหยอดพอดีนะ เพราะไม่มีทอน คุ้นๆจำได้ว่าเมืองไทยเคยพยายามทำแบบนี้ สมัยก่อนที่เป็นรถเมล์สีแดง มีทางเข้าทางออกเป็นระเบียบ มีกล่องหยอดเงินเรียบร้อย แล้วตอนนี้รถเมล์พวกนี้มันหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ สงสัยคนไทยคิดถึงเสียงกระเป๋าก๊อปแก๊ปๆ จนขาดไม่ได้ ขาดใจ

รถเมล์ที่นี่ มีหลายสี หลายเบอร์ รถแดงเอาไว้วิ่งข้ามเมือง แต่ BIG BLUE BUS สีฟ้า เอาไว้วิ่งในเมือง ด้านหน้ารถมีตัวหนังสือสีแดงวิ่งๆ เอาไว้รายงานว่าป้ายหน้าจอดที่ไหน แล้วก็มีเวลาบอกด้วย พอมีคนกดอ็อด ป้ายวิ่งๆก็จะขึ้นว่า "Stop Requested" แค่นั้นยังไม่พอ สำหรับคนอ่านหนังสือไม่ออก หรือไม่อยากอ่าน มันมีเสียงผู้หญิงคอยรายงานตลอดด้วย คล้ายๆกับรถไฟฟ้าบ้านเรา ...อ้อ และที่นี่เขาไม่มีคำโปรย ว่าให้เอื้อเฟื้อที่นั่งให้สตรีนะ เขามีแค่ให้เด็ก กับคนแก่ คนพิการ... สตรีทั้งหลาย เสียใจด้วย

ปุ่มอ็อดที่นี่ประหลาดมาก เพราะมันไม่มีปุ่มอ็อด แต่มันใช้การกระชากเส้นเคเบิลสีเหลืองแทนโดยสายเคเบิลเหลืองนี้ มันจะวิ่งขึงไปทั่วรถเหมือนสายสิญจ์ เวลาจะลงรถ ก็กระตุกเส้นนี้ แล้วกลไกมันจะไปโดนปุ่มให้เกิดเป็นเสียง ไม่ใช่เสียงกริ่ง แต่เป็นเสียง "Stop Requested"

รถเมล์มาเป็นเวลา โดยเขามีตารางเอาไว้เลยว่า รถเมล์สายนี้ จะมาถึงป้ายนี้เวลากี่โมง วันก่อนผมลองดู มันก็มาตรงเวลาจริงๆ คือผมมารอตั้งแต่ 10.15 แต่ตารางว่ารถจะมาตอน 10.45 ผมก็ โอค รอครึ่งชั่วโมง ก็นั่งอ่านหนังสือไป ครึ่งชั่วโมงที่อ่านหนังสือ ไม่มีรถมาซักคัน แต่พอ 10.48 รถก็มา เลทไป 3 นาที แต่มันก็มาใกล้เคียงตามเวลาที่ตารางระบุไว้มาก เรียกว่า มาช้า ยังดีกว่าไม่มาเลย(ตามตาราง) แต่นักเขียนบอกว่าอย่าไปเชื่อมาก เพราะบางทีรถมันติด รถก็ไม่มา

ที่เก๋อีก 2 อย่างคือ ตรงทางขึ้น มันมีแมกเคนิก สามารถพลิกตัว ยื่นออกไปรับรถเข็นนอกรถได้ด้วย ผมเห็นครั้งแรกตกใจในความเอิกเกริก คาดว่าเป็นสิ่งจำเป็น เพราะผมเห็นคนในอเมริกานั่งรถเข็นกันเยอะเหลือเกิน แล้วมันไม่ใช่รถเข็นธรรมดาแบบมีคนเข็นให้นะ มันเป็นรถเข็นบังคับ แบบคนนั่งขับได้เอง ไฮโซจริงๆ ...ส่วนที่เก๋อีกอย่างคือ ด้านหน้ารถเมล์ จะมีโครงเหล็กที่สามารถดึงลงมา เพื่อเอาจักรยานของผู้โดยสารไปเกี่ยวเอาไว้ได้ เพราะฉะนั้น ถ้าใครมีจักรยานจะขึ้นรถเมล์ ก็ไม่ต้องแบกขึ้นรถ แต่เอาไปไว้เป็นกันชนหน้ารถแทน นักเขียนบอกว่า เพื่อนคนนึง เคยเอาจักรยานไปยึดไว้อย่างที่บอก แต่ดันยึดไม่แน่ เป็นอันว่าจักรยานหล่นโครมให้รถทับ กลายเป็นภาพประทับใจอีกชุดหนึ่ง

อันนี้ขำมาก ระหว่างผมยืนรอรถเมล์ ยายเจ้ผิวดำขับรถบัสแดง มาจอดตรงหน้าผม ตะโกนถามว่า จะไปที่???ไปยังไง ผมก็บอกว่า I don't know! เจ้แกเลยทำหน้ามุ้ย ขับบึ่งหนีไปเลย 555 แสดงว่าผมเนียนใช้ได้ อยู่มาไม่กี่วัน มีคนมาถามทาง

1 Comments:

Blogger Do You Remember me? said...

เฮ้ ไปฮานโนเวอร์ เขียนบทความมาให้ด้วยนะ
แบบที่ป้ำเขียนน่ะ

http://thaiindie.com/news/pumparis.html

รูปด้วย อันนี้จะแปะอีกคอลัมน์นึง

แล้วก้อ อย่าลืมหาคอนเน็คชั่นให้ไทยอินดี้ด้วย เพราะแฮนโนเวอร์มีเทศกาลปีหน้าด้วย เขาทำสลับกันปีเว้นปี อัพคัมมิ่งเฟสติวัลน่ะ

2:10 AM  

Post a Comment

<< Home