My First Night
TUE 29 AUG 2006 (ต่อ)
เดินออกจากเครื่องบิน อากาศก็เย็นๆนิดหน่อย ผมก็เลยหยิบแจ็คเก็ตมาใส่ ตอนนั้นมืดแล้ว 5 ทุ่มกว่าๆ เกือบๆจะเที่ยงคืน ผู้โดยสาร ผม และลูกเรือ(บิน) ทยอยกันขึ้นรถ พาไปยังอาคารสนามบิน เมื่อเห็นพื้น ก็อดอุทานไม่ได้ว่า นี่หรือ ที่เขาเรียกว่า อเมริกา! (ว่าเข้านั่น)
ความรู้สึกแรกที่ทำให้ตระหนักว่าอยู่อเมริกาแล้วก็คือ เข้าห้องน้ำแล้วเห็น maid เป็นผู้หญิงฝรั่งวัยกลางคน แทนที่จะเป็นผู้หญิงไทยภูธรแบบที่เคยเห็นบ่อยๆ ก็เลยว่า เออ ได้มาอยู่อเมริกาจริงๆแล้วนี่แหละ
จากนั้นก็ผ่านขั้นตอนทั่วไป ซึ่งก็ไม่มีปัญหาอะไร ดีใจที่ไม่ถูกค้น ส่งกระแสจิต "จงผ่านฉลุย จงผ่านฉลุย" ไม่รู้กลัวอะไรนักหนา อย่างกับค้ายางั้นแหละ แล้วก็ไปรอกระเป๋าอยู่นานมาก จนมีเจ้าหน้าที่หยิบ(จริงๆคือลากด้วยแรงสุดกำลัง)กระเป๋าผม ลงมาให้เด็กผู้หญิงไทยคนนึงดู เขาคงคิดว่าเป็นกระเป๋าเขา แต่ไม่ใช่ ผมก็วิ่งล่าเข้าไปบอกว่า my bag my bag ก็เลยได้มา อีกซักพัก อีกใบก็ตามมา สรุปไม่มีปัญหาอะไร ทุกอย่างเรียบร้อย
เดินลากกระเป๋าไป ใจก็ลุ้นว่า นักเขียนชิงซีไรต์จะยังรอหรือเปล่า หรือหนีกลับไปแล้ว เพราะถ้ารอ ก็ต้องรอนานทีเดียว ออกไปก็เจอนักเขียนก็โล่งใจสุดๆ เขามากับพี่ผู้ชายหน้าตายิ้มแย้มอีกคนหนึ่ง ภายหลังได้รู้ว่าชื่อพี่โอ๋ รู้สึก happy ที่ได้เจอทั้งสองคน ทั้งคู่ช่วยเหลือผมเป็นอย่างดีมาก แล้วก็รีบพาเดินไปที่รถ ผมบอกว่าต้องถ่ายรูปกันก่อน จะเอามาทำ blog พ่อนักเขียนบอกว่า บ้าเห่อ เสร่อ สารพัด สารพัน ส่วนผมก็ไม่สนใจ จับถ่ายรูปทั้งสองคนซะเลย
พี่โอ๋เอารถเบนซ์มา คันใหญ่ ก็เลยขนกระเป๋าผมทั้งสองใบในหลังรถไหว ถามว่ารอนานมั้ย เขาว่าก็มาทีนึงแล้ว แต่ขับกลับไปไหมเพราะเขาแจ้งไว้ว่าจะเลท ต้องกลับไปทำงานก่อน เห็นว่าภาณุ นักเขียนของเรา ต้องช่วยงานพี่โอ๋นิดหน่อย ขับไปตามทางก็คุยกันไปเรื่อยจิปาถะ พี่โอ๋ nice มาก บรรยากาศยามค่ำคืนของ LA ผมว่าก็คล้ายๆกับยามค่ำคืนของต่างประเทศแบบที่เคยเห็นมานั่นแหละ ไม่ได้ต่างจากที่อื่นมาก เดาว่าตอนกลางวันคงเห็นความต่างมากขึ้น ความรู้สึกตอนนี้ก็ตื่นเต้นนิดหน่อย
ถึงที่พัก พี่โอ๋ช่วยขนของลง แต่ต้องรีบไปทำธุระต่อ แค่นี้ก็ขอบคุณมากแล้ว ขอบอกขอบใจพี่โอ๋เสร็จ ผมกับภาณุก็ช่วยกันลากกระเป๋าหนักอึ้งขึ้นห้อง ภาณุขยันขันแข็งในการยกกระเป๋าผมมาก ประทับใจจริงๆ
บ้านภาณุเราว่ามันใหญ่โตหรูหราไฮโซกว่าที่คิดมาก มันไม่ใช่ห้องเล็กๆมอซออะไรเลย มันคือบ้านอพาร์ตเมนต์สวยๆดีๆนี่เอง แล้วก็โอ่โถงสุขสบายดีด้วย เห็นแล้วก็อดที่จะอุทานคำว่าไฮโซๆๆตลอดเวลาไม่ได้ แถมมีห้องนอนเหลือให้ผมนอนได้พอดีอีกต่างหาก ลงตัวจริงๆ นักเขียนว่า แถวนี้มันก็เห็นห้องลักษณะแบบนี้ทั้งนั้นแหละ เพราะเป็นย่านที่ดีหน่อย
ดึกๆนักเขียนพาผมไปเดินดูละแวกบ้าน เป็นละแวกที่สวยงามเป็นระเบียบ น่าอยู่ดี แวะซื้อของกินที่เซเว่น แล้วก็ตระหนักว่าของทุกอย่างแพงมากๆ นักเขียนว่าค่าครองชีพสูงกว่าเมืองไทยประมาณ 4 เท่า เล่นเอาเหงื่อตก ว่าต้องรบกวนทางบ้านเยอะแน่ๆ
ได้นม ได้ชิบอะฮอย แล้วก็มาม่ามากินยามดึกแก้หิว ล้มตัวลงนอนนิดหน่อย แล้วก็ตื่นมาล้างหน้าแปรงฟัน กว่าจะได้นอนอีกทีก็ตีสามตีสี่ กับคืนแรกในการมาเดินทางมาเรียนต่อที่อเมริกา
เดินออกจากเครื่องบิน อากาศก็เย็นๆนิดหน่อย ผมก็เลยหยิบแจ็คเก็ตมาใส่ ตอนนั้นมืดแล้ว 5 ทุ่มกว่าๆ เกือบๆจะเที่ยงคืน ผู้โดยสาร ผม และลูกเรือ(บิน) ทยอยกันขึ้นรถ พาไปยังอาคารสนามบิน เมื่อเห็นพื้น ก็อดอุทานไม่ได้ว่า นี่หรือ ที่เขาเรียกว่า อเมริกา! (ว่าเข้านั่น)
ความรู้สึกแรกที่ทำให้ตระหนักว่าอยู่อเมริกาแล้วก็คือ เข้าห้องน้ำแล้วเห็น maid เป็นผู้หญิงฝรั่งวัยกลางคน แทนที่จะเป็นผู้หญิงไทยภูธรแบบที่เคยเห็นบ่อยๆ ก็เลยว่า เออ ได้มาอยู่อเมริกาจริงๆแล้วนี่แหละ
จากนั้นก็ผ่านขั้นตอนทั่วไป ซึ่งก็ไม่มีปัญหาอะไร ดีใจที่ไม่ถูกค้น ส่งกระแสจิต "จงผ่านฉลุย จงผ่านฉลุย" ไม่รู้กลัวอะไรนักหนา อย่างกับค้ายางั้นแหละ แล้วก็ไปรอกระเป๋าอยู่นานมาก จนมีเจ้าหน้าที่หยิบ(จริงๆคือลากด้วยแรงสุดกำลัง)กระเป๋าผม ลงมาให้เด็กผู้หญิงไทยคนนึงดู เขาคงคิดว่าเป็นกระเป๋าเขา แต่ไม่ใช่ ผมก็วิ่งล่าเข้าไปบอกว่า my bag my bag ก็เลยได้มา อีกซักพัก อีกใบก็ตามมา สรุปไม่มีปัญหาอะไร ทุกอย่างเรียบร้อย
เดินลากกระเป๋าไป ใจก็ลุ้นว่า นักเขียนชิงซีไรต์จะยังรอหรือเปล่า หรือหนีกลับไปแล้ว เพราะถ้ารอ ก็ต้องรอนานทีเดียว ออกไปก็เจอนักเขียนก็โล่งใจสุดๆ เขามากับพี่ผู้ชายหน้าตายิ้มแย้มอีกคนหนึ่ง ภายหลังได้รู้ว่าชื่อพี่โอ๋ รู้สึก happy ที่ได้เจอทั้งสองคน ทั้งคู่ช่วยเหลือผมเป็นอย่างดีมาก แล้วก็รีบพาเดินไปที่รถ ผมบอกว่าต้องถ่ายรูปกันก่อน จะเอามาทำ blog พ่อนักเขียนบอกว่า บ้าเห่อ เสร่อ สารพัด สารพัน ส่วนผมก็ไม่สนใจ จับถ่ายรูปทั้งสองคนซะเลย
พี่โอ๋เอารถเบนซ์มา คันใหญ่ ก็เลยขนกระเป๋าผมทั้งสองใบในหลังรถไหว ถามว่ารอนานมั้ย เขาว่าก็มาทีนึงแล้ว แต่ขับกลับไปไหมเพราะเขาแจ้งไว้ว่าจะเลท ต้องกลับไปทำงานก่อน เห็นว่าภาณุ นักเขียนของเรา ต้องช่วยงานพี่โอ๋นิดหน่อย ขับไปตามทางก็คุยกันไปเรื่อยจิปาถะ พี่โอ๋ nice มาก บรรยากาศยามค่ำคืนของ LA ผมว่าก็คล้ายๆกับยามค่ำคืนของต่างประเทศแบบที่เคยเห็นมานั่นแหละ ไม่ได้ต่างจากที่อื่นมาก เดาว่าตอนกลางวันคงเห็นความต่างมากขึ้น ความรู้สึกตอนนี้ก็ตื่นเต้นนิดหน่อย
ถึงที่พัก พี่โอ๋ช่วยขนของลง แต่ต้องรีบไปทำธุระต่อ แค่นี้ก็ขอบคุณมากแล้ว ขอบอกขอบใจพี่โอ๋เสร็จ ผมกับภาณุก็ช่วยกันลากกระเป๋าหนักอึ้งขึ้นห้อง ภาณุขยันขันแข็งในการยกกระเป๋าผมมาก ประทับใจจริงๆ
บ้านภาณุเราว่ามันใหญ่โตหรูหราไฮโซกว่าที่คิดมาก มันไม่ใช่ห้องเล็กๆมอซออะไรเลย มันคือบ้านอพาร์ตเมนต์สวยๆดีๆนี่เอง แล้วก็โอ่โถงสุขสบายดีด้วย เห็นแล้วก็อดที่จะอุทานคำว่าไฮโซๆๆตลอดเวลาไม่ได้ แถมมีห้องนอนเหลือให้ผมนอนได้พอดีอีกต่างหาก ลงตัวจริงๆ นักเขียนว่า แถวนี้มันก็เห็นห้องลักษณะแบบนี้ทั้งนั้นแหละ เพราะเป็นย่านที่ดีหน่อย
ดึกๆนักเขียนพาผมไปเดินดูละแวกบ้าน เป็นละแวกที่สวยงามเป็นระเบียบ น่าอยู่ดี แวะซื้อของกินที่เซเว่น แล้วก็ตระหนักว่าของทุกอย่างแพงมากๆ นักเขียนว่าค่าครองชีพสูงกว่าเมืองไทยประมาณ 4 เท่า เล่นเอาเหงื่อตก ว่าต้องรบกวนทางบ้านเยอะแน่ๆ
ได้นม ได้ชิบอะฮอย แล้วก็มาม่ามากินยามดึกแก้หิว ล้มตัวลงนอนนิดหน่อย แล้วก็ตื่นมาล้างหน้าแปรงฟัน กว่าจะได้นอนอีกทีก็ตีสามตีสี่ กับคืนแรกในการมาเดินทางมาเรียนต่อที่อเมริกา
0 Comments:
Post a Comment
<< Home