Sunday, March 11, 2007
Tuesday, March 06, 2007
รักกะ Birthday Party
รักกะ สาวที่ซบจูบคนโน้นคนนี้ในรูป เป็นชื่อของเพื่อนสาวชาวไอซ์แลนด์ เธอเพิ่งฉลองวันเกิดครบรอบ 25 ปี เพื่อนพ้องก็เลยไปฉลองปาร์ตี้กันถ้วนหน้า
ที่แคลิฟอร์เนี่ยนี่ปาร์ตี้วันเกิดมีบ่อยมาก ทั้งของกลุ่มเด็กไทย(ซึ่งโดยมากเป็นเด็ก UCLA ไม่ใช่ CalArts ที่นี่ผมเป็นเด็ก "ไทย" คนเดียว) และเด็กเทศ ปาร์ตี้เด็กเทศก็ออกจะสุดเหวี่ยงหน่อยไปด้วยแอลกอฮอล์และ "เซ็กชวล เทนชั่น" พอเมาได้ที่ก็จะเริ่มเห็นอะไรๆมากมาย ที่คนไม่เมาอย่างผมได้แต่มองแล้วทั้งขำทั้งอึ้ง ไม่รู้ว่าพฤติกรรมของเพื่อนพ้องนี้เกิดขึ้นจากเมาจริง หรือแสร้งทำเป็นเมากันแน่
เพื่อนกลุ่มที่อยู่ในรูปส่วนใหญ่เป็นพวกเด็ก Film Directing ซึ่งจริงๆแล้วเป็นคนละแผนกกับผม แต่ผมสนิทเพราะดันคุยกันถูกคอตั้งแต่เข้าเรียนใหม่ๆ แล้วก็พอดีมีเรียนบางคลาสด้วยกัน เด็กฟิล์มไดเรกติ้งจากออกแนว ดู้ด ดู้ด มากกว่าเด็กฟิล์มวิดิโอ พวกนี้เขาเรียนวิชาเดียวกันเป็นแพ็คๆไม่ค่อยมีอิสระเลือกเหมือนพวกผม พวกเขาก็เลยจะสนิทกันมากๆ เวลาแต่ละคนถ่ายหนังสั้น ก็จะช่วยสลับกันเป็นทีม เกาะกลุ่มกันแน่นหนา สนิทกับเพื่อนกลุ่มนี้ ก็ได้บรรยากาศไปอีกแบบหนึ่ง
รูปผู้ชายสองคนกอดคอกัน คือเกรกอรี่ กับกอรอฟ คนแรกเป็นหนุ่มกรีกจบไฟฟ้าเอนจิเนียร์มา แต่ดันมาทำหนัง คลั่งเบลา ทาร์ คนที่สองเป็นหนุ่มอินเดียแต่เกิดที่อเมริกา จบปรัชญา แต่เปลี่ยนแนวซะ หนุ่มเกาหลีเสื้อแจ็กเก็ตเลขหก ชื่อคิมคีจิน คนนี้ของจริง ทำหนังดีโคตรๆแบบอยากก้มลงไปกราบ หนุ่มข้างลูกโป่งชื่อยองโมซอน เป็นผู้ช่วยหนังของคิมคีดุก แต่บูชาพี่เจ้ยเหมือนเทพ 4 คนนี้เป็นกลุ่มที่ผมสนิทที่สุด ค่อนข้างจะ hang out ด้วยกันบ่อย คุยสนุก ชอบหนังประมาณเดียวกัน
ปาร์ตี้เริ่ม 3 ทุ่ม ผมกลับถึงบ้านตี 4 บางคนยังตายอยู่ที่บ้านรักกะ บางคนหายไปตามห้องหับ หรือแอบกลับไปเมื่อไหร่ก็ไม่รู้
Monday, March 05, 2007
Glen Keane: The Great
Glen Keane หนึ่งในสุดยอดตำนาน animator ที่ยังมีชีวิตอยู่ มาเยือน CalArts เล่นเอา Bijou แน่นขนัด แม้เขาจะมาเยือนเป็นระยะๆ แต่ครั้งล่าสุดก็รู้สึกจะเป็นเมื่อ 6 ปีก่อน คนที่นี่จึงตื่นเต้นคึกคัก โดยเฉพาะเด็กเข้าใหม่อย่างพวกเรา และที่พิเศษสำหรับผมเป็นการส่วนตัว ก็ตรงที่ผมได้เป็น Projectionist คุม Bijou ตอนเขามา (ผมรีบเสนอตัวเองสุดริด ตอนเขาหาอาสาสมัคร)
Glen Keane เป็นหนึ่งในฮีโร่ของอนิเมเตอร์ทั้งหลาย ถ้าใครรักงานอนิเมชั่นและอยากเป็นอนิเมเตอร์จริงๆ โดยเฉพาะคนที่คุ้นเคยกับงานดิสนีย์ ยากที่จะไม่รู้จักชื่อ Glen Keane ด้วยลายเส้น sketch ที่สะบัดพลิิ้วอย่างทรงพลัง และการเคลื่อนไหวที่งดงามเข้มแข็ง ทำให้เขาได้รับมอบหมายในการออกแบบ และอนิเมทคาร์แรกเตอร์สำคัญๆในหนังดิสนีย์แต่ละเรื่องเสมอ เขาคือผู้สร้างคาแรกเตอร์ให้งานดิสนีย์ยุคหลังๆอย่าง Ariel ใน The Little Mermaid, The Beast ใน Beauty and The Beast, Aladdin ใน Aladdin, Pocahontas ใน Pocahontas, Tarzan ใน Tarzan และตอนนี้กำลังกำกับผลงานดิสนีย์เรื่องใหม่ Rapunzel
สมัยที่ผมยังบ้าคลั่งอยากทำงานเป็นอนิเมเตอร์ให้ดิสนีย์อยู่นั้น ผมชอบอนิเมเตอร์อยู่หลายคน ซึ่งส่วนใหญ่ก็ล้วนเป็นศิษย์เก่า CalArts แต่ Glen Keane เป็นชื่อที่อยู่ในใจผมที่สุด เปิดหนังสืออนิเมชั่นเล่มไหน เป็นได้เห็นชื่อเขาทุกครั้งไป ประทับใจกับลายเส้นของเขามาก ไม่เคยได้คิดได้ฝันเลยว่าจะมีวันนี้ วันที่ได้มาฉายงานให้เกลนคีน ได้พูดคุย จับมือที่วาดตัวการ์ตูนที่เปลี่ยนชีวิตเราเมื่อตอนเด็กๆ
Glen Keane ในวันนี้ แก่ตัวลงไปแล้วจากรูปตอนหนุ่มๆที่เคยเห็นในหนังสือ แต่ฝีมือยิ่งแกร่งกล้าขึ้น แค่ฟังเขาพูดเรื่องตอนเขาสมัครเข้าเรียนที่ CalArts ตอนที่เริ่มทำงานให้กับดิสนีย์ใหม่ๆ เด็กๆรวมทั้งผมด้วยก็หึกเหิมไปตามๆกัน ยิ่งได้ดูเขาวาดและอนิเมทให้ดูกันสดๆขึ้นจอใหญ่ พวกเด็กอนิเมชั่นก็คงไฟแทบลุก อยากรีบไปทำงานของตัวเองให้ได้ดีๆแบบที่ เกลนคีนเพิ่งทำให้ดูบ้าง
งานเริ่มทุ่มกว่า เขาบรรยายเสร็จห้าทุ่ม แต่ poor Glen Keane ต้องรอพูดคุย จับมือ แจกลายเซ็นให้กับเด็กๆที่รอต่อแถวเรียงคิวยาวเหยียด เพราะอยากสัมผัสปรมาจารย์เป็นการส่วนตัว ร่วมสองชั่วโมง ผมได้อยู่กับเขาจนสุดท้ายก่อนจาก เพราะต้องรอปิดโรงหนัง ออกจากนั่นตอนตีหนึ่ง ส่งยิ้ม Say goodbye Good night ให้กับฮีโร่วัยเด็ก ที่เดินลากกระเป๋ากลับบ้านไปตามทาง hallway โรงเรียน
Tuesday, February 27, 2007
Bijou Theatre
งานที่สอง เป็นงานฉายหนัง
โรงหนังของโรงเรียนผมชื่อ Bijou เป็นโรงหนังเล็กๆขนาดประมาณโรงหนัง house เห็นจะได้ format ที่ฉายก็ตั้งแต่ Film 35, Film 16, DVD, VHS, BetaCam, BetaMax, 3/4 inch tape จิปาถะ
ที่ได้ไปทำก็เพราะมีคนแนะนำ เขากำลังหาคนทำงานตำแหน่งนี้อยู่ เพราะรุ่นพี่ที่ทำหลายคนกำลังจะจบการศึกษา ต้องหาคนมีแทน และพอดีมีรุ่นพี่เห็นแวว (โห ปลื้ม แอบดีใจ) เขาก็เลยเรียกผมไปเทรน
จริงๆก็อยากทำงานที่นี่อยู่แล้ว เพราะรู้สึกว่าเป็นงานที่ "cool" ได้อยู่บนห้องฉายหนัง เหมือนอัลเฟรโดใน Cinema Paradiso เหมือนเสี่ยวกังใน Goodbye Dragon Inn รุ่นพี่ที่เทรนบอกว่า พวกเราคือผู้สร้าง magic ขั้นสุดท้ายของภาพยนตร์ก่อนถึงสายตาผู้ชม ฟังดูเก๋ไก๋ได้ใจ แต่ great power ก็มาพร้อมกับ great responsibility เวลาทำอะไรผิดพลาดนิดหน่อย เช่นเสียงมาก่อนภาพเล็กน้อย เปิดไฟผิด หรืออะไรกิ๊กก๊อกปาจิงโกะ ก็จะรู้สึกเหมือนโลกถล่ม ทั้งๆที่คนดูเขาก็ไม่สน ไม่แคร์อะไรหรอก
หลังจากเทรนกับรุ่นพี่ไปสองอาทิตย์ ก็ได้โซโล่เดี่ยว หนังเรื่องแรกที่ได้ฉายเองคือ "Seven Men From Now" เป็นหนังคาวบอย เพราะคลาสที่ผมต้องคุมประจำตอนนี้คือ คลาสชื่อ The Western โดยปกติอาจารย์ฉาย DVD ซึ่งโปรเจคไม่ยาก แต่ถ้าบางครั้งอาจารย์ฉายฟิล์ม 35 เราต้องให้รุ่นพี่ฉาย เพราะผมยังฉายไม่เป็น ตอนนี้เป็นแค่ film 16 รุ่นพี่บอกว่า เอาไว้ฉาย 16 ให้คล่องๆก่อน ค่อยสอน 35 เดี๋ยวสับสน
อยู่บนห้องฉาย สามารถได้ยินเสียงคนในโรงได้ เพราะโรงหนังติดไมค์ไว้ เวลาได้ยินเสียงคนดูหัวเราะกับหนังที่เราเพิ่งฉายไปที่ไร ก็สึกอิ่มใจทุกครั้ง ประหนึ่งเหมือนเราเป็นส่วนหนึ่งของทีมงาน เป็นหนึ่งในผู้สร้าง magic ของภาพยนตร์เรื่องนั้น
โรงหนังของโรงเรียนผมชื่อ Bijou เป็นโรงหนังเล็กๆขนาดประมาณโรงหนัง house เห็นจะได้ format ที่ฉายก็ตั้งแต่ Film 35, Film 16, DVD, VHS, BetaCam, BetaMax, 3/4 inch tape จิปาถะ
ที่ได้ไปทำก็เพราะมีคนแนะนำ เขากำลังหาคนทำงานตำแหน่งนี้อยู่ เพราะรุ่นพี่ที่ทำหลายคนกำลังจะจบการศึกษา ต้องหาคนมีแทน และพอดีมีรุ่นพี่เห็นแวว (โห ปลื้ม แอบดีใจ) เขาก็เลยเรียกผมไปเทรน
จริงๆก็อยากทำงานที่นี่อยู่แล้ว เพราะรู้สึกว่าเป็นงานที่ "cool" ได้อยู่บนห้องฉายหนัง เหมือนอัลเฟรโดใน Cinema Paradiso เหมือนเสี่ยวกังใน Goodbye Dragon Inn รุ่นพี่ที่เทรนบอกว่า พวกเราคือผู้สร้าง magic ขั้นสุดท้ายของภาพยนตร์ก่อนถึงสายตาผู้ชม ฟังดูเก๋ไก๋ได้ใจ แต่ great power ก็มาพร้อมกับ great responsibility เวลาทำอะไรผิดพลาดนิดหน่อย เช่นเสียงมาก่อนภาพเล็กน้อย เปิดไฟผิด หรืออะไรกิ๊กก๊อกปาจิงโกะ ก็จะรู้สึกเหมือนโลกถล่ม ทั้งๆที่คนดูเขาก็ไม่สน ไม่แคร์อะไรหรอก
หลังจากเทรนกับรุ่นพี่ไปสองอาทิตย์ ก็ได้โซโล่เดี่ยว หนังเรื่องแรกที่ได้ฉายเองคือ "Seven Men From Now" เป็นหนังคาวบอย เพราะคลาสที่ผมต้องคุมประจำตอนนี้คือ คลาสชื่อ The Western โดยปกติอาจารย์ฉาย DVD ซึ่งโปรเจคไม่ยาก แต่ถ้าบางครั้งอาจารย์ฉายฟิล์ม 35 เราต้องให้รุ่นพี่ฉาย เพราะผมยังฉายไม่เป็น ตอนนี้เป็นแค่ film 16 รุ่นพี่บอกว่า เอาไว้ฉาย 16 ให้คล่องๆก่อน ค่อยสอน 35 เดี๋ยวสับสน
อยู่บนห้องฉาย สามารถได้ยินเสียงคนในโรงได้ เพราะโรงหนังติดไมค์ไว้ เวลาได้ยินเสียงคนดูหัวเราะกับหนังที่เราเพิ่งฉายไปที่ไร ก็สึกอิ่มใจทุกครั้ง ประหนึ่งเหมือนเราเป็นส่วนหนึ่งของทีมงาน เป็นหนึ่งในผู้สร้าง magic ของภาพยนตร์เรื่องนั้น
Sunday, February 25, 2007
Film Library
หลังจากใช้เวลาปรับตัวไปกับเทอมแรก เทอมสองนี้ ต้องทำงานหาเงินแล้ว แต่ก็ไม่ได้ไปเป็นเด็กเสริฟนอกมหาลัยที่ไหน เพราะผมเลือกที่จะทำงานที่คิดว่าน่าจะได้ประโยชน์ในทางตรงก็ทางอ้อมในแคมปัส
งานแรกที่ทำ คืองานในห้องสมุดหนัง มันไม่ได้ใหญ่มาก แต่ก็มีหนังอยู่เยอะพอตัว format ก็ตั้งแต่ FILM BETA VHS DVD ปกติเด็กยืมหนังออกไปไม่ได้ ต้องนั่งดูในห้องสมุด ปกติคนที่ยืมออกไปได้ต้องเป็นอาจารย์ หรือ Staff เท่านั้น แต่คนที่ทำงานที่นี่ ก็ได้สิทธ์พิเศษนี้ไปด้วย
หนังเรื่องใหม่ๆไม่เยอะมาก สู้ร้านแถวจตุจักรไม่ได้ โดยเฉพาะหนังจากแถบเอเชียทั้งหลาย แต่ที่นี่ก็จะมีหนัง แนวอาร์ตเก่าทดลองๆ ที่มันยังไม่ออกเป็นดีวีดีอยู่เยอะ ก็ถือว่าได้อย่างเสียอย่าง ช่วงนี้ถ้าเป็นไปได้ ก็เลยพยายามตามดูอะไรที่หาที่เมืองไทยไม่ได้ไปก่อน
ข้อดีอีกอย่างของการทำงานที่นี่ นอกจากได้เงิน ได้สิทธ์์แล้ว เรายังเหมือนมีคอลเลคชั่นส่วนตัวให้เรา "Browse" เพราะชาวบ้านคนอื่นต้องบราวซ์จากคอมพ์ เพราะเข้าไปในบริเวณชั้นไม่ได้ แต่เราไปเดินดูที่ชั้นเองได้เลย พอไม่รู้จะดูอะไรดี ก็ไปแว๊บๆซักพัก ก็ได้ไอเดียเอง อีกอย่างก็คือ พอมีคนมายืมโน้นยืมนี่ ก็ได้รู้ไปด้วยว่า มหาลัยมีเรื่องนี้ด้วยแหะ เพราะปกติก็ไม่รู้หรอก และเวลาหนังมาใหม่ เราก็ได้รู้ก่อนใคร แต่ถ้าหนังเรื่องไหน มหาลัยยังไม่มี เราก็ request ได้ แต่ได้ช้าได้เร็ว ก็ขึ้นกับงบประมาณ และความสำคัญของหนังนั้นๆ